สัญญาณความดุเดือดของสงครามยูเครน ปรากฏขึ้นในวันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา ถือเป็นการโจมตีถล่มยูเครนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดสงครามเมื่อปี 2022 และจนถึงขณะนี้ รัสเซียยังคงดำเนินยุทธศาสตร์โจมตีทางอากาศใส่ยูเครนอย่างหนัก
พื้นที่หนึ่งที่เผชิญการโจมตีอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์คือ แคว้นคาร์คีฟทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทางการยูเครนรายงานว่ารัสเซียได้ยิงขีปนาวุธเข้ามาโจมตีโรงแรมแห่งหนึ่งในคาร์คีฟ จนมีพลเรือนได้รับบาดเจ็บ 11 คน
รัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มยูเครนอีก 51 ลูก
ยูเครนเผยหลักฐาน รัสเซียใช้ขีปนาวุธเกาหลีเหนือ
การถล่มโจมตียูเครนทางอากาศครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ช่วงกลางคืน เวลาประมาณ 22.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น เป้าหมายที่รัสเซียมุ่งโจมตีในครั้งนี้คือ เมืองคาร์คีฟทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 2 ของประเทศรองจากกรุงเคียฟ เมืองหลวง โอเลฮ์ ซูเนฮูบอฟ ผู้ว่าการแคว้นคาร์คีฟระบุว่า รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธชนิด S-300 เข้ามายังบริเวณใจกลางเมือง
ส่งผลให้โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งมีพลเรือนมากกว่า 30 คนเข้าพักอยู่ได้รับความเสียหาย จากภาพที่เผยแพร่ออกมา กรอบหน้าต่างบริเวณระเบียงห้องพักของโรงแรมหลุดออกมาจากแรงระเบิด อาคารบางส่วนพังทลาย เศษซากอิฐร่วงหลนกองอยู่ที่พื้น
รถยนต์หลายคันที่จอดบริเวณนอกอาคารเสียหายหนักจากเพลิงไฟที่ลุกไหม้ ส่วนภายในอาคาร บางห้อง เพดานและผนังพังลงมา เศษอิฐและกรอบหน้าต่างตกลงมาใส่เฟอร์นิเจอร์
โวโลดิมีร์ ทิมอชโก ผู้บัญชาการตำรวจภูมิภาคคาร์คีฟระบุต่อสถานีโทรทัศน์สาธารณะ ‘ซุสปิลเน’ ของยูเครนว่า ขีปนาวุธลูกแรกที่รัสเซียยิงเข้ามาตกที่บริเวณข้างรั้วของโรมแรม ส่วนอีกลูกหนึ่งตกที่บริเวณอาคารเสริม ด้านผู้พักอาศัยในโรงแรมรายหนึ่งเปิดเผยว่า ไม่มีเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศก่อนการโจมตีเกิดขึ้น
ผู้ว่าการแคว้นคาร์คีฟระบุผ่านเทเลแกรมว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 11 คน โดยในจำนวนนี้มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 คน และมี 9 คนที่ต้องเข้ารับการรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาล
โจมตีทางอากาศยูเครน
ติดต่อกันเป็นวันที่ 4 แล้ว ที่คาร์คีฟตกเป็นเป้าการโจมตีทางอากาศโดยรัสเซีย นับตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา แต่การโจมตีคาร์คีฟและพื้นที่อื่นๆ ในยูเครนครั้งที่หนักหน่วงที่สุดนับตั้งแต่เกิดสงครามเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 29 ธันวาคมเป็นต้นมา ในวันนั้นรัสเซียได้ยิงขีปนาวุธและร่อนโดรนหลากหลายประเภท โดยเฉพาะขีปนาวุธชนิดที่มีความเร็วสูงและมีอานุภาพร้ายแรง เข้ามาโจมตีทั่วแผ่นดินยูเครนรวมถึงคาร์คีฟร่วม 158 ลำ เป็นสัญญาณการยกระดับการโจมตีทางอากาศอย่างชัดเจน
จากนั้น ยูเครนโต้กลับรัสเซียทันทีด้วยการส่งโดรนกว่า 70 ลำไปโจมตีที่เมืองเบลโกรอดของรัสเซีย ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนยูเครนไปประมาณ 40 กิโลเมตร การโจมตีส่งผลให้อาคารที่พักอาศัยหลายหลัง รวมถึงรถยนต์หลายคันเกิดเพลิงลุกไหม้ ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 25 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 100 คน นี่ทำให้ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียขุ่นเคืองอย่างมากต่อการโจมตีเบลโกรอดของยูเครน
การโจมตีเบลโกรอดด้วยจรวดและโดรนยังคงเกิดขึ้นเป็นระยะตลอดสัปดาห์ ล่าสุดเมื่อวานนี้ ทางการรัสเซียเริ่มอพยพเด็กกลุ่มแรกราว 400 คนที่อาศัยอยู่ในเมืองเบลโกรอดไปยังค่ายแห่งหนึ่งในภูมิภาคโวโรเนซ ซึ่งห่างออกไปทางตะวันออกราว 200 กิโลเมตร โดยจะใช้เวลาอยู่ที่นั่นราว 3 สัปดาห์
ขณะที่ก่อนหน้านั้น ชาวเมืองเบลโกรอดราว 300 คนได้ตัดสินใจอพยพออกจากพื้นที่ไปแล้ว ถือเป็นการอพยพของพลเรือนรัสเซียครั้งที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากทำสงครามในยูเครน
ส่วนในยูเครน โดยเฉพาะที่คาร์คีฟ ก็ถูกรัสเซียถล่มโจมตีทางอากาศอย่างต่อเนื่องและหนักหน่วงตลอดเกือบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ทว่าสิ่งหนึ่งที่น่ากังวลคือ ในบรรดาขีปนาวุธและโดรนหลายชนิดที่รัสเซียใช้ มีรายงานว่าพบซากขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือเป็นผู้ผลิตตกในพื้นที่ของแคว้นคาร์คีฟ โดยผู้ที่ออกมาเปิดเผยรายแรกคือสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ดมิโทร ชูเบนโก โฆษกสำนักงานอัยการภูมิภาคคาร์คีฟออกมาเปิดเผยหลักฐานเพิ่มเติม เป็นภาพเศษซากขีปนาวุธที่ตกลงมาหลังการโจมตีโฆษกสำนักงานอัยการภูมิภาคคาร์คีฟระบุว่า เศษซากขีปนาวุธมีรูปลักษณ์ต่างจากขีปนาวุธที่ผลิตโดยรัสเซีย แต่ไม่ได้เปิดเผยว่าเป็นขีปนาวุธรุ่นใด ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารวิเคราะห์จากภาพว่า น่าจะเป็นขีปนาวุธพิสัยใกล้รุ่น KN-23 และ KN-24
สหรัฐฯ-เกาหลีใต้ ประณามรัสเซีย
ล่าสุดเมื่อวานนี้ ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้หยิบยกประเด็นการจัดซื้ออาวุธจากเกาหลีเหนือของรัสเซียขึ้นมาอย่างดุเดือด ระหว่างการหารือวาระเกี่ยวกับสงครามยูเครน
โรเบิร์ต วูด เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติได้กล่าวประณามรัสเซียอย่างรุนแรงว่า การที่ชาติสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติละเมิดข้อมติขององค์กร ที่ห้ามไม่ให้มีการค้าขายอาวุธกับเกาหลีเหนือ และยังใช้อาวุธนั้นโจมตีประเทศอื่นถือเป็นเรื่องที่เลวร้ายอย่างมาก
ขณะที่ ฮวาง จุนกุก เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำสหประชาชาติระบุว่า การที่รัสเซียโจมตียูเครนด้วยอาวุธจากเกาหลีเหนือ ส่งให้ผลยูเครนกลายเป็นพื้นที่ทดลองอาวุธของเกาหลีเหนือไปโดยปริยาย
การยกระดับการโจมตีทางอากาศทั่วแผ่นดินยูเครนของรัสเซีย เกิดขึ้นในวันที่ยูเครนเริ่มประสบปัญหาขาดแคลนจรวดที่ใช้ยิงสกัดการโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธ รวมถึงขาดแคลนอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการสู้รบกับกองทัพรัสเซียที่แนวรบเช่นกัน
ขณะที่ชาติพันธมิตรรายใหญ่อย่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปยังล่าช้าในการส่งความช่วยเหลือให้แก่ยูเครน เนื่องจากยังไม่สามารถอนุมัติออกมาได้ นี่ทำให้ประธานาธิบดีเซเลนสกีเปิดฉากเดินสายเยือนประเทศพันธมิตรกลุ่มบอลติกเพื่อระดมการสนับสนุนเมื่อวานนี้
เซเลนสกีเดินสายเยือนชาติบอลติก
เมื่อวานนี้ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ได้เดินทางไปยัง กรุงวิลนิอุส ประเทศลิทัวเนีย เพื่อพบกับกิตานาส นาวเซดา ประธานาธิบดีลิทัวเนียนี่เป็นการเปิดฉากการเดินสายเยือนพันธมิตรของยูเครนในภูมิภาคบอลติก เพื่อระดมการสนับสนุนจากชาติพันธมิตรอีกครั้ง หลังจากปฏิบัติการโต้กลับเมื่อปีที่แล้วไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่หลายฝ่ายคาดหวัง
ขณะที่เริ่มมีสัญญาณว่าชาติพันธมิตรตะวันตกอาจตกอยู่ในภาวะล้าสงคราม หลังสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปล่าช้าในการผ่านความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้แก่ยูเครนมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว
ประเทศกลุ่มบอลติกถือเป็นพันธมิตรทางการเมืองที่สนับสนุนยูเครนอย่างเหนียวแน่นมาตลอด โดยหลังจากนี้ประธานาธิบดีเซเลนสกีมีกำหนดเดินทางไปยังเอสโตเนียและลัตเวียต่อ
ระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับประธานาธิบดีลิทัวเนีย ประธานาธิบดียูเครนได้ส่งสัญญาณไปยังชาติพันธมิตรตะวันตกว่า ความลังเลที่จะสนับสนุนยูเครนในการต้านทานรัสเซีย จะยิ่งทำให้รัสเซียแข็งแกร่งขึ้น อีกประเด็นหนึ่งที่ผู้นำยูเครนออกมาระบุคือ ยูเครนไม่ได้ถูกชาติพันธมิตรตะวันตกกดดันให้ยุติสงครามตามที่มีข่าวเผยแพร่ออกมา
ขณะที่ยูเครนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ฝ่ายที่มีท่าทีมั่นใจขึ้นอย่างต่อเนื่องคือรัสเซีย สัญญาณแรกคือการปรากฏตัวของผู้นำรัสเซียที่เมืองแห่งหนึ่งทางตะวันออกไกลเป็นครั้งแรก ส่วนอีกสัญญาณคือการออกมาระบุของรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียว่า ปฏิบัติการบุกโจมตีที่แนวรบยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
ปูตินเยือนตะวันออกไกล-รัสเซียมุ่งบุกยูเครน
เมื่อวานนี้ มีรายงานว่าวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียได้เดินทางไปเยือนภูมิภาคชูคอตกา ซึ่งมีที่ตั้งสุดทางตะวันออกเฉียงเหนือของรัสเซียเป็นครั้งแรกประธานาธิบดีปูตินได้โดยสารรถออฟโรดที่มีชื่อว่า “Predator” หรือที่แปลว่า “นักล่า” ฝ่าหิมะไปยังเมืองหลักของภูมิภาคดังกล่าว นี่ถือเป็นภาพที่ปรากฏออกมาไม่บ่อยนัก หลังรัสเซียตัดสินใจเปิดฉากทำสงครามบุกยูเครน
ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียก็ได้ออกมาระบุเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของรัสเซียในการทำสงคราม โดยเฉพาะที่แนวรบทางภาคตะวันออกของยูเครนที่รัสเซียเปิดปฏิบัติการโจมตีที่เมืองอัฟดีฟกา โดยระบุว่า รัสเซียจะยังคงรักษาระดับยุทธศาสตร์การบุกโจมตียูเครนตลอดแนวรบเอาไว้
พยากรณ์อากาศ 11 -20 ม.ค. เตรียมรับมือฝนถล่มหลายพื้นที่!
เปิดสถิติหวยออกงวดวันที่ 17 มกราคม หวยวันครู ย้อนหลัง 15 ปี
“อาจารย์แมน” แจง “ลงนะดาก” ทำตามลูกค้าขอ-ยันทำได้ทุกจุดคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง!