ยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตากันต่อไป สำหรับสถานการณ์สู้รบในเมียนมา โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สำนักข่าวอิรวดีซึ่งเป็นสื่ออิสระของเมียนมาเปิดเผยว่า กองทัพอารกัน หรือ AA สามารถยึดเมืองปอกทอว์ (Pauktaw) ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองซิตตเว เมืองเอกของรัฐยะไข่ไปราวประมาณ 25 กิโลเมตรได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
โดยตำรวจในเมืองได้ยอมจำนนก่อนที่กองทัพอารกันจะยึดสถานีตำรวจของของเมืองไว้ มีรายงานว่า กองทัพเมียนมาใช้ปืนใหญ่ระดมโจมตีสถานีตำรวจ พร้อมกับมีการยิงปืนกลจากเฮลิคอปเตอร์เข้าใส่กองทัพ AA เพื่อยึดเมืองคืนด้วย
เมียนมายอมรับ ถูกโจมตีหนักใน 3 รัฐ สั่งจนท.พลเรือน-อดีตทหารเตรียมพร้อมรบ
สถานการณ์เมียนมาดุเดือด กลุ่มชาติพันธุ์เปิดคลิปทหารเมียนมายอมจำนน
กองทัพอารกันหรือ AA เปิดปฏิบัติการสู้รบกับกองทัพเมียนมาร์ในรัฐยะไข่ตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยสำนักข่าวอิรวดีอ้างอิงการให้สัมภาษณ์ของเขง ตู ข่า (Khaing Thu Kha) โฆษกของ AA ว่า จนถึงขณะนี้สามารถยึดฐานทหารและสถานีตำรวจของเมียนมาในรัฐยะไข่ได้ถึง 40 แห่ง
กองทัพอารกัน หรือ AA มีพื้นที่การเคลื่อนไหวแถบรัฐชินและรัฐยะไข่ เป็นกองกำลังชาติพันธุ์ที่มีกำลังมากที่สุดรองจากทัพว้าและคะฉิ่น
AA ถูกจับตามองมาโดยตลอดนับตั้งแต่พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ทำการรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนที่นำโดยนางอองซานซูจีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ว่าจะเข้าร่วมกับกองกำลังชาติพันธุ์อื่นๆ รวมถึงพลเรือนชาวเมียนมาที่ลุกขึ้นมาต่อต้านการยึดอำนาจหรือไม่ เพราะหากเข้าร่วม ฝ่ายต่อต้านกองทัพก็จะได้เปรียบขึ้น
หลังจากสงวนท่าทีอยู่นาน ในที่สุด AA ก็เข้าร่วมด้วยการจับมือกับกองกำลังชาติพันธ์อีก 2 กลุ่มคือ กองทัพโกก้าง (MNDAA) และกองทัพปลดปล่อยตะอางหรือปะหล่อง (TNLA) ภายใต้ชื่อ “กองกำลังพันธมิตรภราดรภาพ”
ก่อนจะเปิดฉากปฏิบัติการที่เรียกว่า “Operation 1027” โจมตีกองทัพเมียนมาตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา การโจมตีเริ่มต้นขึ้นที่ภาคเหนือของรัฐฉานซึ่งมีชายแดนติดประเทศจีน ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกองทัพโกก้าง ( MNDAA)
นี่คือภาพส่วนหนึ่งที่กองทัพโกก้างปล่อยออกมา เป็นภาพของฐานทหารแห่งหนึ่งของกองทัพเมียนมาที่ถูกทิ้งหลังจากรบแพ้ โดยกองกำลังโกก้างได้เข้ายึดอาวุธจำนวนมากพร้อมรถถังเอาไว้ พื้นที่ที่กองทัพโกก้างต่อสู้กับทหารเมียนมา เป็นที่ตั้งของศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญ หนึ่งในนั้นคือ เมืองเล่าก์ก่าย ซึ่งอยู่ในเขตปกครองพิเศษโกก้าง
โดยที่เมืองเล่าก์ก่ายมีคนไทยเกือบ 300 คนที่ทำงานอยู่ที่นั่น โดยทั้งหมดพยายามอพยพหนีออกมาจากพื้นที่การสู้รบมากว่า 2 สัปดาห์แล้ว
จีนเรียกร้อง 2 ฝ่ายในเมียนมาหยุดการโจมตี
เหมา หนิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ออกมาเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดการโจมตี โดยระบุว่า ทางการจีนมีความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนระบุด้วยว่า นับตั้งแต่เกิดการสู้รบเมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา พลเรือนเมียนมาจำนวนมากลี้ภัยเข้ามาในจีน และจีนได้ให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม หลายฝ่ายระบุว่าการที่จีนออกโรงเตือน เนื่องจากบริเวณพื้นที่สู้รบมีผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจของจีนที่สำคัญอยู่ นั่นก็คือท่อก๊าซและท่อน้ำมัน
ท่อดังกล่าวมีความยาวเกือบ 800 กิโลเมตร เป็นท่อคู่ขนานทั้งส่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ เริ่มจากอ่าวเบงกอลในรัฐยะไข่ ตัดยาวไปจนถึงรัฐฉานทางตอนเหนือของเมียนมา ก่อนที่จะเข้าประเทศจีน
นอกจากท่อส่งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันแล้ว บริเวณดังกล่าวยังมีเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จีนร่วมลงทุนอยู่ด้วย นั่นก็คือ เขตเศรษฐกิจชายแดนรุ่ยลี่-มูเซ ถึงแม้ว่ากองกำลังพันธมิตรภราดรภาพจะออกแถลงการณ์ร่วมก่อนเปิดการโจมตีว่า จะช่วยกันดูแลไม่ให้ผลประโยชน์ของจีนได้รับความเสียหาย แต่การต่อสู้กันก็มีความเสี่ยงจนทำให้รัฐบาลจีนต้องออกโรงปราม
นอกเหนือจากในรัฐฉานทางตอนเหนือที่ติดกับจีนแล้วกองกำลังพันธมิตรภราดรภาพยังเข้าโจมตีกองทัพเมียนมาในรัฐคะยาทางตะวันออกซึ่งติดกับชายแดนไทยบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอนด้วย
พลเรือนเมียนมาในรัฐชิน หนีการสู้รบไปยังรัฐมิโซรัมของอินเดียคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
เมื่อวานนี้ กองกำลังชาติพันธุ์ได้เผยแพร่ชุดภาพนิ่งที่บันทึกได้ในเมืองลอยก่อ ในรัฐคะยา โดยกลุ่มดังกล่าวได้บรรยายว่า ภาพชุดเหล่านี้เป็นภาพของทหารของพวกเขากำลังเดินรอบมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของเมือง ส่งสัญญานว่าสามารถยึดเมืองเอกของรัฐจากกองทัพเมียนมาได้แล้ว
อีกแนวรบหนึ่งคือทางด้านตะวันตก โดยแนวนี้ การต่อสู้เริ่มขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายนหรือเมื่อ 4 วันที่ผ่านมา การสู้รบในแนวนี้เกิดขึ้นที่รัฐชิน ฐานที่มั่นของกองกำลังแนวร่วมแห่งชาติชิน (CNF) โดยมีรายงานว่า CNF ยึดฐานทหารเมียนมาได้จำนวนมาก
การสู้รบที่หนักหน่วงและทำให้พลเรือนส่วนหนึ่งลี้ภัยเข้าไปในรัฐมิโซรัมของอินเดียซึ่งมีชายแดนติดกับรัฐชิน นอกเหนือจากพลเรือนแล้ว ยังมีทหารเมียนมาที่หนีจากการสู้รบด้วย
อีกพื้นที่ที่มีรายงานการต่อสู้หนักคือ ที่ภูมิภาคซะไกง์ ซึ่งมีพื้นที่ติดกับรัฐชิน มีภาพของการเผาทำลายอาคารที่เป็นที่ทำการท้องถิ่นของรัฐบาลหลายจุด กองกำลังอารกันหรือ AA ได้เปิดฉากโจมตีเป้าหมายของกองทัพเมียนมาในเวลาไล่เลี่ยกัน และสามารถยึดทั้งฐานทหาร สถานีตำรวจได้มากกว่า 40 แห่ง รวมถึงล่าสุดคือการยึดเมืองปอกทอว์ได้
กองกำลังชาติพันธุ์ที่ปิดฉากโจมตีกองทัพเมียนมาจากทุกทิศทาง ได้มีการส่งสัญญานว่า เป้าหมายสูงสุดคือ กรุงเนปิดอว์ เมืองหลวง ด้วยการประกาศก่อนหน้านี้ว่า "เราจะเดินหน้า" "ยุทธวิธีของเราคือการบุกยึดจากหมู่บ้าน ไปยังเมือง และไปยังเมืองหลวง”
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษได้เริ่มออกคำเตือนพลเมืองให้หลีกเลี่ยงการเดินทางโดยจุดที่หนักที่สุดคือ สีแดง คำแนะนำคือ ห้ามไปเด็ดขาด ซึ่งเริ่มต้นจากรัฐฉานทางเหนือของประเทศ ยาวมาจนถึงมัณฑะเลย์ และต่อเนื่องไปถึงตอนใต้ส่วนสีเหลืองคือถ้าไม่จำเป็นอย่าไป และสีเขียวคือ ยังเดินทางได้แต่ต้องระมัดระวัง การ Update แผนที่คำเตือนล่าสุดในวันที่ 17 พฤศจิกายนหรือวันนี้จะเห็นว่า พื้นที่สีแดงครอบคลุมมากกว่าครึ่งของประเทศแล้ว
ทั้งนี้หลายฝ่ายคาดว่า หากกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารสามารถเข้ายึดเมืองหลวงได้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้คือ กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ จะแยกไปปกครองตนเอง โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดี Myint Swe ที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลทหาร เพิ่งจะออกมาเตือนว่า เมียนมากำลังเผชิญกับการแตกแยกเป็นเสี่ยงๆ
ช็อก! “ดีเจโก” กรีนเวฟ พลัดตกโรงแรมในซอยสุขุมวิท 20 เสียชีวิต!
เชียร์ "แอนโทเนีย" รอบตัดสิน Miss Universe 2023 เช้า 19 พ.ย.นี้
เปิดรายชื่อ 11 ชาติเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลยูโร 2024